Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the wordpress-seo domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/web2.happenn.com/wp-includes/functions.php on line 6114
งานอีเวนต์แบบดั้งเดิมจะกลับมาหรือไม่ในปี 2022? | Happenn
บล็อก
งานอีเวนต์แบบออฟไลน์

งานอีเวนต์แบบดั้งเดิมจะกลับมาหรือไม่ในปี 2022?

เขียนเมื่อ FEB 10, 2022

มนุษย์ยชาติเริ่มต้นปี 2022 กันด้วยความรื่นเริงกว่าครั้งก่อนหน้าที่เราก้าวข้ามจากปี 2020 สู่ปีถัดไป นั่นเป็นเพราะว่า แม้ว่าจะมีการระบาดจากสายพันธ์ใหม่ของไวรัสโควิด-19 หรือยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงงานอีเวนต์ที่ถูกยกเลิกไป เราก็รู้แล้วว่าจะรับมือโรคระบาดนี้อย่างไร ทั้งการใส่หน้ากาก ล้างมือ ไปจนถึงการฉีดวัคซีน mRNA (ที่เป็นชนิดที่สามารถรับมือโควิดสายพันธ์โอไมครอนได้ดีที่สุดในตอนนี้) ในฐานะคนในวงการอีเวนต์ ยิ่งคนสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ได้มากแค่ไหน เราก็มีโอกาสที่จะนำงานอีเวนต์ออฟไลน์แบบดั้งเดิมกลับมาในจุดที่เคยอยู่ได้มากเท่านั้น

แต่ก็อย่าเพิ่งโลกสวยจนเกินไป (อย่าลืมว่าโอไมครอนยังไม่หายไปไหน)

ก่อนจะนำงานอีเวนต์รูปแบบเดิมกลับมาจัดอีกครั้ง มีปัจจัยบางอย่างที่คุณจะต้องพิจารณาเสียก่อน หลักๆ แล้วเป็นเรื่องของวัคซีน แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย มาดูกันว่าในวันนี้เราจะพูดถึงเรื่องอะไรอีกบ้าง

 

ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19

ช่วงเวลานี้ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายระหว่างโลกกับ โอไมครอน สายพันธ์ล่าสุดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้จะต่างจากเดลตาตรงที่อาการดูเบากว่า แต่กลับสามารถแพร่กระจายได้เร็วกว่า และทุกอย่างก็เริ่มแย่ลงจากจุดนั้น เพราะแม้ว่าวัคซีน mRNA จากบริษัทอย่างไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาจะรับมือกับสถานการณ์ได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทางแก้ในระยะยาวสำหรับทุกคนอยู่ดี

สิ่งที่เรารู้ล่าสุดสำหรับวัคซีนตอนนี้คือ ซีอีโอของไฟเซอร์เพิ่งประกาศไม่นานนี้ว่าวัคซีนโควิด-19 สำหรับสายพันธ์โอไมครอนโดยเฉพาะจะพร้อมปล่อยออกมาใช้ในราวเดือนมีนาคมนี้ เพราะฉะนั้นก็จำเป็นจะต้องจับตามองเรื่องนี้ (รวมถึงข่าวจากบริษัทอื่นๆ) อย่างใกล้ชิด และพยายามคำนวณว่าอีกนานแค่ไหนวัคซีนเหล่านี้ถึงจะกระจายไปได้ทั่วโลก

ความเห็นของเราคือ หากไม่มีสายพันธ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกในปี 2022 เราอาจจะได้เห็นจุดจบของโรคระบาดครั้งนี้ อาจจะช่วงสิ้นปีหรือต้นปีหน้าก็เป็นได้ และเมื่อถึงเวลานั้น งานอีเวนต์ออฟไลน์แบบดั้งเดิมก็จะกลับมาสู่วงการอีกครั้ง

 

ความเร็วในการฉีดวัคซีน

ในปี 2020 ผู้คนต้องเผชิญกับไวรัสสายพันธุ์เดลตา ก่อนที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันอีกครั้งด้วยประสิทธิภาพของวัคซีนชนิด mRNA แต่ก็เหมือนกับที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า:

“ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย”

เพราะก่อนหน้านี้เราได้เห็นกันแล้วว่าหลายประเทศรับมือกับการระบาดได้ดี จนสามารถถอดหน้ากากและกลับไปใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนการระบาดได้ แต่หลังจากนั้นก็มีสายพันธุ์โอไมครอนตามมาอีก นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเชื้อสายพันธุ์นี้ครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ก่อนที่จะลามไปในหลายประเทศในทุกภูมิภาค ซึ่งการกลายพันธุ์ครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์คำกล่าวที่ว่า:

“ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย”

เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นต้องจับตาดูความเร็วในการฉีดวัคซีนของทั่วโลกด้วย หรือมิเช่นนันวัคซีนก็อาจจะกลายพันธุ์ไปถึงไหนต่อไหนได้อีก และเราอาจจะไปจบอยู่ในจุดดียวกับที่เราอยู่กันตอนนี้ซ้ำไปซ้ำมา เพราะว่า:

“ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย”

เศรษฐกิจ (หรือกระเป๋าเงินของกลุ่มเป้าหมาย)

เราไม่ได้จะมาพูดในเชิงวิชาการที่ซับซ้อน แต่จะพูดถึงเงินในกระเป๋าของกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โควิด-19 ได้ทำให้ธุรกิจมากมายปิดตัวลง และพรากโอกาสจากผู้คนไปมากมาย การฟื้นตัวจากช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และเมื่อผู้คนมีเงินสำหรับใช้จ่ายน้อยลง พวกเขาก็จะนำไปจ่ายให้กับสิ่งที่จำเป็นมากกว่าเป็นอันดับแรก ซึ่งงานอีเวนต์อาจจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญในตอนนี้ก็ได้ (เพราะไหนจะมีอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต และอะไรอีกมากมาย)

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่างานอีเวนต์จะไม่ได้จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เราหมายถึงว่าถ้าคุณจะจัดงานอีที่จำเป็นต้องให้ผู้ร่วมงานซื้อบัตร ออกค่าเดินทาง ซื้ออาหาร (กินระหว่างอยู่ในงาน) สิ่งเหล่านี้ คงดีกว่าถ้าคุณเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพราะในสถานการณ์แบบนี้ โจทย์ในการดึงพวกเขาออกจากบ้านนั้นกำลังอยู่ในจุดที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม

งานอีเวนต์ที่มีการจับคู่ทางธุรกิจ ซึ่งทำให้ผู้คนได้พบกับโอกาสใหม่ๆ หรืออีเวนต์เกี่ยวกับการหางานอาจเป็นที่สนใจสำหรับผู้คนในช่วงนี้ แต่การจัดคอนเสิร์ตอาจจะแพงเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายถูกกลุ่ม งานอีเวนต์ของคุณก็อาจจะขายดีได้เช่นกันเพราะผู้คนขาดแคลนความสนุกในโลกแห่งความเป็นจริงกันมานานอย่างน้อยก็ 2 ปีแล้ว

สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจตอนนี้ ทำให้หลายๆ อย่างมีความท้าทายขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

 

นโยบายการจัดงานอีเวนต์ของแต่ละประเทศ

(หมายเหตุ: บทความนี้เขียนทั้งในภาษาไทยและอังกฤษ สำหรับผู้อ่านภาษาไทย เราแนะนำให้อ่านด้วยบริบทของสถานการณ์ในเมืองไทยเป็นหลัก)

ถึงคุณจะมีวัคซีนแล้ว ผู้คนพร้อมจะจ่ายให้กับงานของคุณแล้ว แต่ก็มีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องพิจารณาให้ได้ นั่นก็คือ รัฐบาลยอมให้คุณจัดงานหรือยัง? (หรือจะจัดได้ช่วงไหน) เพราะในบางครั้งหน่วยงานเหล่านี้ก็กลัวเกินกว่าจะผ่อนปรนกฎบางอย่างลงมาในช่วงที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น และการจัดงานอีเวนต์ก็เกี่ยวข้องกับเวลาเป็นอย่างมากด้วย เราคิดว่าผู้จัดงานอีเวนต์ทุกคนจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้กันแบบวันต่อวันเลยทีเดียว

บางที่อาจจะอนุญาตให้คุณจัดงานได้พร้อมกับกฎระเบียบ ข้อบังคับบางอย่าง เช่นการแสดงผลตรวจโควิด-19 หรือวัคซีนพาสปอร์ต โดยไม่ต้องใส่หน้ากาก บางที่อาจกำหนดให้คุณต้องเว้นระยะที่นั่งให้ห่างกันแม้จะมาด้วยกัน และใส่หน้ากากตลอดเวลา สำหรับผู้จัดงานระดับท้องถิ่นคงไม่เป็นปัญหานักเพราะมีการเช็กข้อมูลจากข่าวเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่กับงานใหญ่ที่จัดโดยออร์แกไนเซอร์ระดับโลก การตรวจสอบหลายประเทศก็ถือว่าวุ่นวายได้เรื่องเช่นกัน เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวในเรื่องนี้ไว้แต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยให้คุณสามารถเตรียมการได้อย่างราบรื่นได้ด้วยเช่นกัน

 

ความมั่นใจของผู้ร่วมงาน

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือเรื่องของ คน (คุณจะต้องพิจารณาอีกหลายเรื่องก่อนกลับมาจัดงานอีเวนต์ในช่วงโรคระบาด) ที่ต้องคำนึงคือผู้คนพร้อมจะออกจากบ้าน เดินทาง ซื้อตั๋ว และใช้เวลาในงานอีเวนต์ของคุณหรือยัง?

การเดาใจคนเป็นงานที่ท้าทาย แต่มีเครื่องมือจำนวนไม่น้อยที่จะช่วยคุณเก็บข้อมูลก่อนตัดสินใจว่าควรจัดอีเวนต์แบบออฟไลน์ดีหรือไม่ อาจเป็นเครื่องมือยิงโฆษณาบนโซเชียลมีเดียที่นำไปสู่การทำแบบสำรวจออนไลน์ หรือเครื่องมือฟังความเห็นคนบนโซเชียลที่จะลงลึกในรายละเอียดของความสนใจ เพราะเมื่อคุณถือข้อมูลอยู่ในมือแล้ว คุณจะสามารถรู้ได้ทันทีว่าผู้คนพร้อมจะออกมาร่วมงานกับคุณแล้วหรือยัง หรือพวกเขาจะยังอยากอยู่บ้านกันให้นานขึ้นอีกเล็กน้อย

 

บทสรุป

ยังมีอีกหลายสิ่งที่นอกเหนือจาก 5 ข้อที่เราได้พูดถึงไป ในการพิจารณาว่าคุณควรจะกลับมาจัดงานอีเวนต์แบบออฟไลน์ในช่วงเวลาของโรคระบาดหรือไม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่คุณกำลังจะจัดในอนาคตด้วย สิ่งที่เราพูดถึงในบทความชิ้นนี้เป็นเพียงปัจจัยหลักๆ ที่คุณไม่ควรมองข้าม เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ควรจะเป็น

และในช่วงที่เรายังไม่สามารถจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบออฟไลน์ในผู้คนมาพบกเจอกันได้ ก็เป็นช่วงเวลาขาขึ้นของงานอีเวนต์ออนไลน์ (Virtual Event) ด้วยเช่นกัน หากคุณต้องการจัดงานในรูปแบบนี้ และต้องการผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ เราแนะนำให้ลองอ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของเราดู อาจจะมีฟีเจอร์ที่คุณต้องการสำหรับงานครั้งถัดไปอยู่ก็เป็นได้ คลิกที่นี่ได้เลย