วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัญหาที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอย่างหนัก ณ เวลานี้ ซึ่งในภาคธุรกิจต่างๆ เองก็มีการหาทางรับมือเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่จะไม่สร้างความเสียหายให้โลกเพิ่มเติมอีก ซึ่งอาจพูดได้ว่า นอกจากการทำธุรกิจแล้ว ปัจจุบันเราก็ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืน หรือ Sustainability มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ตามรายงานของ ShiftCarbon อุตสาหกรรมอีเวนต์โดยรวมปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ Greenhouse Gas มากถึง 10% ต่อปี (ซึ่งเป็นจำนวนเทียบเท่ากับปริมาณก๊าซ GHG ที่ชาวอเมริกันทั้งประเทศผลิตออกมาในหนึ่งปี) ซึ่งมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งจากการเดินทาง อาหาร ขยะ ไปจนถึงตัวสถานที่จัดงานเอง ซึ่งก็ทำให้ภารกิจการเปลี่ยนงานอีเวนต์ให้มีความ Sustainable มากขึ้น ก็ถือว่ามีสิ่งที่ต้องทำไม่น้อยทีเดียว และก็จำเป็นมากที่จะต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้
ในช่วงที่ผ่านมา มีการลงทุนกับพลังงานสะอาดมากขึ้นในหลายประเทศ อาทิ จีน (380 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สหภาพยุโรป (260 พันล้าน) และสหรัฐอเมริกา (215 พันล้าน) เผื่อรับมือกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในตอนนี้ (อ้างอิง: Scientific American) ตัวเลขเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ได้เรื่องหนึ่งว่า ปัญหานี้มีความร้ายแรงกว่าที่เคยเป็นมา
ในบล็อกนี้ เราจะพูดถึงการทำให้งานอีเวนต์มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Sustainable มากขึ้นในทุกๆ ปัจจัยที่สามารถทำได้ครับ
• เลือกสถานที่จัดงานที่มีความ Sustainable
• ลด (หรือเลิก) ใช้กระดาษ
• จัดการขยะอย่างเป็นมืออาชีพ
• บริโภคพลังงานให้น้อยลง
• รณรงค์ให้พกขวดน้ำมาเอง
• บทส่งท้าย
สิ่งที่เราอยากพูดถึงเป็นอันดับแรกคือ สถานที่จัดงาน เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ร่วมงานต้องเดินทางมาร่วมงาน รายงานชิ้นหนึ่งระบุว่าปริมาณรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) ของอุตสาหกรรมอีเวนต์กว่า 80% เกิดขึ้นจากการเดินทางเป็นหลัก (70% มาจากการเดินทางทางอากาศ และ 10% มาจากภาคพื้นดิน ข้อมูลจาก MeetGreen)
หากเป้าหมายหนึ่งในการจัดงานอีเวนตืของคุณคือการทำให้งานมีความยั่งยืน การเลือกสถานที่จัดงานอีเวนต์อาจต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย
– สถานที่จัดงานสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยบริการขนส่งสาธารณะ เช่นรถไฟฟ้า หรือรถประจำทาง
– อยู่ใกล้กับที่พักประเภทโรงแรม ให้ผู้ร่วมงานสามารถเข้าพักได้ในกรณีที่จัดงานหลายวัน
– แนะนำให้ผู้ร่วมงานใช้การเดินทางแบบ ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน (Carpool) แทนที่จะขับรถแยกกันมาคนละคัน
– จัดงานในรูปแบบไฮบริดอีเวนต์ (Hybrid Event) ให้เป็นทางเลือกในการร่วมงานโดยไม่ต้องออกเดินทาง
โดยปกติแล้ว งานอีเวนต์กับกระดาษเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ เพราะถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ตั๋วเข้างาน โบรชัวร์สินค้า ไปจนถึงใบเสร็จ สิ่งเหล่านี้มักจบท้ายด้วยการกลายเป็นขยะที่ไม่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ แต่ในปัจจุบันเรามีตัวเลือกอื่นๆ สำหรับใช้แทนกระดาษอยู่ไม่น้อยแล้ว เช่น
– เปลี่ยนชิ้นงานกระดาษทั้งหมดให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่นตั๋ว E-Ticket ในรูปแบบของ QR Code แทนที่จะใช้การออกบัตรกระดาษ
– สร้างเว็บไซต์ (และ/หรือ) แอปพลิเคชันมือถือสำหรับงานนั้นๆ โดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้สามารถใส่ข้อมูลสำคัญทั้งหมดลงไปได้ ตั้งแต่ Agenda ของงาน ไปจนถึงข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หรือช่องทางการติดต่อ
– หากจำเป็นต้องใช้งานพิมพ์ (เช่นป้าย Badge สำหรับห้อยคอผู้ร่วมงานหรือผู้บรรยาย) อาจเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลแทน
ในการจัดงานอีเวนต์แต่ละครั้งจะมีสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการสร้างขยะ ซึ่งอาจเกิดจากอาหาร เครื่องดื่ม แพ็กเกจสินค้า หรือจากอะไรก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะไปจบด้วยการเป็นขยะที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ (Event Manager Blog ระบุว่ามีขยะจากงานอีเวนต์ถึง 41% ที่จบด้วยการทิ้งแบบ Landfill โดยไม่ได้นำไปใช้ทำอะไรต่อ) เราพูดถึงเรื่องการลดปริมาณกระดาษไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้า แต่นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เช่นกัน
ตัวอย่างสิ่งที่คุณสามารถจัดการได้ในการจัดการขยะระหว่างจัดงานอีเวนต์
– บริจาคสิ่งของที่ยังสภาพดี แต่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานแล้วหลังจากจบงานอีเวนต์
– ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท จาน ถ้วย หรือกระดาษชำระแบบย่อยสลายได้
– แยกขยะ เพื่อคัดแยกสิ่งที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ออกมา
– หากงานจำเป็นจะต้องมอบของที่ระลึก พยายามเลือกสินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน เช่นถุงผ้า Tote Bag หรือเสื้อยืด เป็นต้น หรืออาจเลือกใช้วิธีให้สิ่งของในรูปแบบดิจิทัล เช่น โค้ดส่วนลด แทน
– เลือกซัพพลายเออร์ในการทำงานอีเวนต์ที่มีนโยบายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับเรื่องนี้ ก็คือการย้อนกลับไปพูดเรื่องที่เราพูดถึงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือเรื่องสถานที่จัดงาน แต่เราจะพูดกันในแง่อื่นๆ แทน การลดปริมาณการบริโภคพลังงานโดยหลักแล้วมาจากเรื่องสถานที่จัดงานมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งก็มีด้วยกันหลายปัจจัย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถตรวจสอบในเบื้องต้นได้คือ เช็กดูว่าสถานที่ที่จะไปจัดงานอีเวนต์นั้นได้มาตรฐาน LEED Certified หรือไม่ ซึ่งถ้ามี นั่นหมายความว่าสถานที่จัดนั้นๆ สามารถจัดการกับการปล่อยคาร์บอน การใช้พลังงาน การบริหารจัดการน้ำ ขยะ การเดินทาง การใช้วัสดุต่างๆ ผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงคุณภาพโดยรวมของภายในพื้นที่จัดงานได้ดี (ข้อมูลจาก U.S.G.B.C.)
งานอีเวนต์ส่วนใหญ่มีบริการขานน้ำดื่มแค่ในรูปแบบขวดพลาสติกหรือแก้วแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ส่วนใหญ่แล้วมักจบที่การเป็นขยะโดยไม่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งการจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ ผู้จัดงานอาจต้องเลือกสถานที่จัดงานที่มีจุดให้บริการน้ำดื่มติดตั้งอยู่ทั่วบริเวณงาน (ถ้าเป็นไปได้) และรณรงค์ให้ผู้ร่วมงานนำขวดน้ำของตัวเองมาแทนที่จะมาซื้อน้ำทุกครั้งที่รู้สึกอยากดื่ม (ซึ่งวิธีนี้สามารถต่อยอดมาเป็นการขายขวดน้ำของงานอีเวนต์ของคุณเองได้อีกทางด้วย)
และการจัดการบริหารน้ำในงานอีเวนต์ ไม่ได้หมายถึงเรื่องของน้ำดื่มอย่างเดียวแต่อย่างใด กลับกันเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทุกอย่างที่เป็นน้ำเท่าที่คุณจะสามารถจัดการได้ ยกตัวอย่างเช่นที่หน้าเว็บไซต์ของเมืองเมลเบิร์น ที่เขียนแนะนำการบริหารจัดการน้ำในงานอีเวนต์เอาไว้ว่ามีทั้งเรื่องของจุดให้บริการ การจัดการพวกสารเคมี-น้ำมันต่างๆ ไปจนถึงเรื่องของห้องสุขา เป็นต้น
ทั้งห้าเรื่องที่เราพูดถึงไป เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของทั้งหมดที่คุณสามารถจัดการได้ เพื่อที่จะทำให้งานอีเวนต์มีความ Sustainable และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แม้ปัญหาเรื่องนี้มีแต่จะใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นในทุกๆ ปี แต่ก็มีวิธีรับมือให้เราเลือกทำอย่างหลากหลายเช่นกัน
ที่ Happenn เราสามารถช่วยคุณทำให้งานอีเวนต์ของคุณมีความดิจิทัลมากขึ้นได้ ทั้งในแง่ของการลดการใช้ทรัพยากรกระดาษ การทำงานอีเวนต์ให้อยู่บนโลกออนไลน์เพื่อที่ผู้ร่วมงานจะได้ไม่ต้องเดินทาง เป็นต้น หากสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูต่อได้ที่หน้า ผลิตภัณฑ์ ของเรา หรือติดต่อเราโดยตรงได้ที่อีเมล hello@happenn.com ยินดีให้บริการครับ