Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the wordpress-seo domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/web2.happenn.com/wp-includes/functions.php on line 6114
ตั้งโจทย์ ROI อย่างไรให้สอดคล้องกับการจัด Hybrid Event? | Happenn
บล็อก
งานอีเวนต์แบบออนไลน์

ตั้งโจทย์ ROI อย่างไรให้สอดคล้องกับการจัด Hybrid Event?

เขียนเมื่อ JUL 21, 2022

จากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ผู้คนต้องเปลี่ยนวิธีทำมาหากินมาเป็นการนั่งทำงานอยู่ที่บ้านแบบรีโมตแทน ข้อจำกัดตรงนี้ก็ส่งผลทำให้งานอีเวนต์ออนไลน์ หรือที่เรียกว่า เวอร์ชวลอีเวนต์ (Virtual Event) ก้าวขึ้นมาเป็นที่นิยมและกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของความปกติใหม่หรือ New Normal ไปในทันที จะเห็นได้ว่าบรรดาองค์กรต่างๆ รวมถึงเหล่าเอเจนซีสายอีเวนต์จะพยายามสร้างโลกเสมือน (ที่บางทีก็เรียก Virtual Event บางทีก็ไปเรียกด้วยคำยอดนิยมตอนนี้อย่าง Metaverse) และนำงานอีเวนต์ไปไว้บนแพลตฟอร์มเหล่านั้น ให้คนสามารถร่วมงานจากที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้

และเมื่อเรามีวัคซีนและความรู้มากพอที่จะกลับมาใช้ชีวิตในโลกปกติ งานอีเวนต์แบบที่ต้องมาเจอตัวกันเป็นๆ ก็ย่อมกลับมาด้วยเช่นกัน แต่ครั้งนี้จะเป็นการกลับมาในรูปแบบที่เรียกกันว่า ไฮบริดอีเวนต์ (Hybrid Event)

งานอีเวนต์ประเภทไฮบริดเป็นรูปแบบที่จัดขึ้นทั้งบนโลกจริงควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเป้าหมายในการส่งมอบประสบการณ์แบบเดียวกันให้กับผู้ร่วมงานทั้งที่ on-site และ online ถ้าถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ คำตอบง่ายมาก เพราะว่าคุณ “สามารถทำได้” นั่นเองครับ แต่แค่ทำได้คงอาจจะไม่พอเป็นคำตอบที่น่าเชื่อถือในการริเริ่มวางแผนโปรเจกต์ใหม่ซักเท่าไหร่ การคำนึงถึงผลตอบแทนในตอนท้ายก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะถ้าไม่มีเป้าหมายตรงนี้ การเดินทางของคุณก็มีแต่จะหลงไกลออกไปเรื่อยๆ

วันนี้บล็อกนี้จะชวนคุยในเรื่องของ ROI ว่างานอีเวนต์ของคุณควรจะใช้มาตรและเกณฑ์ไหนในการวัดและประเมินผลงานอย่างถูกต้อง เพื่อที่คุณจะได้ไม่สับสนในทุกๆ ขั้นตอนระหว่างเตรียมและจัดงานไฮบริดอีเวนต์ครั้งต่อไป

 

สารบัญ

  • ควรตั้ง ROI ในการจัดไฮบริดอีเวนต์อย่างไร
  • แล้วจะตั้ง KPI อย่างไรให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการจัดงาน
  • สถิติน่าสนใจเกี่ยวกับไฮบริดอีเวนต์ในรอบปีที่ผ่านมา
  •  

    ควรตั้ง ROI ในการจัดไฮบริดอีเวนต์อย่างไร

    เราอยากแนะนำคุณให้เริ่มขั้นตอนนี้ด้วยการมองให้เห็นภาพใหญ่ ไม่ต้องเจาะจงจนเกินไป เช่น หากงานอีเวนต์นั้นจัดขึ้นเพื่อให้คนรู้จักกับองค์กร เป้าหมายก็ควรเป็นการเกณฑ์คนมาร่วมงานให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะในช่องทางออฟไลน์หรือออนไลน์ ด้านล่างเป็นหัวข้อ ROI ที่เราอยากแนะนำให้คุณตั้งเป็นเป้าหมาย แบ่งหมวดหลักไว้ให้ตามความต้องการในแต่ละรูปแบบ

  • จำนวนผู้ร่วมงาน: เป้าหมายนี้จะเหมาะกับอีเวนต์ที่ตั้งใจจะสร้างชื่อเสียงเป็นหลัก โดยปกติมักจัดงานให้ผู้คนเข้าร่วมได้แบบฟรีๆ และเมื่อเป็นการจัดในรูปแบบไฮบริดอีเวนต์ก็จะมีสิ่งที่ต้องคำนึงเพิ่มเข้ามาคือ จะนำเสนอเนื้อหา (content) ของงานอย่างไรให้ตอบโจทย์ทั้งผู้คนที่เดินทางมาร่วมงาน และผู้คนที่เข้าถึงตัวอีเวนต์จากช่องทางออนไลน์
  • รายได้: การจัดอีเวนต์ไม่ได้หมายความถึงการดึงคนมาร่วมงานให้มากที่สุดเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อพูดถึงการลงทุน (ซึ่งก็คือตัว I ในคำว่า ROI) รายรับก็สามารถเป็นเป้าหมายใหญ่ในการจัดงานอีเวนต์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะจากการขายบัตรเข้างาน ซึ่งต้องพึ่งการ PR ที่ดี หรือสปอนเซอร์ที่ต้องการมีโลโก้ปรากฎบนแพลตฟอร์มของคุณ และในบางเคสงานอีเวนต์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ก็จะสามารถเก็บเงินค่าออกบูธจากเป้าหมายกลุ่ม Exhibitors ได้อีกทางด้วยเช่นกัน
  • ความพึงพอใจ: การมีคนมาร่วมงานคุณเป็นจำนวนมาก คือผลลัพธ์ของการตลาดที่ดี แต่ถ้าคุณวางแผนจะเดินเกมยาวในการจัดงานหลายๆ ครั้ง การวัดผลก็อาจจะต้องเน้นไปที่ความสุขของผู้ร่วมงานในงานครั้งนี้แทน เพื่อจะได้นำไปพัฒนางานในครั้งต่อไป สำหรับงานประเภทไฮบริด คุณอาจจะต้องมีโซลูชันที่เป็นเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสำรวจความพึงพอใจของผู้ร่วมงานทั้งสองฟากอีเวนต์ไปพร้อมๆ กัน หรืออาจจะเป็นการส่งอีเมลตามไปในภายหลังพร้อมจดหมายขอบคุณก็ได้เช่นกัน
  • Engagement: ในบางกรณี ยกตัวอย่างเช่นอีเวนต์ที่ต้องการให้ผู้คนลงมือทำกิจกรรมบางอย่าง เป้าหมายอย่าง Engagement ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นงานประเภทเทรดโชว์ที่ต้องการให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอย งานสัมมนาที่ต้องการให้ผู้คนสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กัน คอนเสิร์ตที่ต้องการให้คนดูสนุกไปกับงาน สิ่งที่ต้องทำคือการติดตามผลลัพธ์ว่าผู้คนเข้าร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ของงานอีเวนต์มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้อาจจะเป็นเป้าหมาย ROI ที่ท้าทายที่สุด แต่ถ้าทำได้ นั่นหมายความว่าคุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้ดีมากๆ และก็จะเป็นคำตอบให้สปอนเซอร์ในรายงานการขอสปอนเซอร์ครั้งต่อไปที่ดีด้วยครับ
  •  

    ทั้ง 4 หัวข้อนี้เป็นเพียงการแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น ที่จริงเราสามารถตั้งเป้าหมายในการวัดผลให้เจาะจงกว่านี้ได้ เช่น การรับรู้/จดจำแบรนด์ ลีดคุณภาพ การสมัครสมาชิก ฯลฯ ขึ้นอยู่กับวงการที่คุณทำธุรกิจอยู่ครับ

     

    แล้วจะตั้ง KPI อย่างไรให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการจัดงาน

    ลองสมมติว่าคุณมีเป้าหมายในการวัดผล ROI สำหรับงานอีเวนต์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็มาถึงการเลือกวิธีวัดผลลัพธ์การจัดงาน เราแนะนำให้เริ่มจากการทำ Breakdown ย่อยหัวข้อออกมาจากตัว ROI หลักที่ตั้งไว้

    ยกตัวอย่างเช่นหากอีเวนต์ของคุณเป็นงานฟรี ที่ได้ทุนจากสปอนเซอร์มาก้อนหนึ่ง แต่จำเป็นจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า Strategy ที่วางไว้สามารถเพิ่มยอด Engagement ได้สูงกว่าผู้จัดงานเจ้าอื่นๆ จริงๆ ก็อาจจะจำเป็นต้องติดตามดูว่าผู้คนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในงานอีเวนต์มากน้อยแค่ไหน นานแค่ไหน หรือใช้ฟีเจอร์ไหนมากที่สุด เป็นต้น

    หรือสมมติให้รายรับเป็นเป้าหมายหลักในการจัดงานของคุณ ก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องติดตามยอดขายบัตร/ตั๋วเข้างานให้ได้ รวมถึงสรุปทุนที่ได้รับจากสปอนเซอร์ ค่าเช่าบูธ เงินบริจาค (สำหรับอีเวนต์บางประเภท) และนอกจากรายรับแล้ว รายจ่ายก็จำเป็นมากๆ ในการคำนวณ ROI ของงานเช่นกัน ตรงนี้สำคัญทีเดียว

    งานประเภทจับคู่ธุรกิจ (Business Matching/Matchmaking) ถือว่าเป็นอีกรูปแบบการจัดงานที่ได้ผลดีทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การวัดผลสามารถทำได้ไม่ซับซ้อนผ่านการดูจำนวนคนและระยะเวลาการเข้าร่วมเซสชัน หรือนัดหมายประชุมที่ถูกจอง เป็นต้น เรียกได้ว่าเราสามารถวัดผลได้จากทุกการกระทำของผู้ร่วมงานเลยก็ว่าได้ หากคุณมองออกว่ากำลังมองหาสิ่งไหนในการจัดงาน รวมถึงการรู้ข้อมูลเหล่านี้ให้มากเข้าไว้ก็จะช่วยให้คุณโฟกัสกับส่วนที่จำเป็นต้องปรับปรุงได้อย่างแม่นยำ เมื่อถึงคราวต้องจัดงานครั้งต่อไป

    ความท้าทายในการตั้ง KPI เพื่อวัดผล ROI ของงานไฮบริดอีเวนต์คือ คุณจะต้องสามารถติดตามข้อมูลทุกอย่างได้ทั้งบนแพลตฟอร์มงานออนไลน์ และออฟไลน์ ในเวลาเดียวกันแบบเรียลไทม์ และคุณจะทำแบบนั้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีซอฟต์แวร์มืออาชีพเฉพาะทาง ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับงานอีเวนต์โดยเฉพาะ (ซึ่งตรงนี้ Happenn ทำได้นะครับ ขออนุญาตฝากร้าน)

     

    สถิติน่าสนใจเกี่ยวกับไฮบริดอีเวนต์ในรอบปีที่ผ่านมา

    คุณอาจจะยังไม่แน่ใจนักว่าการจัดงานไฮบริดอีเวนต์ จำเป็น สำหรับธุรกิจในตอนนี้แค่ไหน เรามีสถิติที่น่าสนใจที่อาจจะช่วยกระตุ้นความสนใจในการจัดอีเวนต์แห่งอนาคต (แม้จะไม่ชอบใจนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราเดินมาถึงจุดนี้เร็วขนาดนี้ได้เพราะ COVID-19 จริงๆ ครับ)

    “62% ของผู้จัดงานอีเวนต์จะยังคงวางแผนการจัดงานอีเวนต์แบบไฮบริดต่อไป แม้ว่าจะสามารถกลับมาจัดงานแบบออฟไลน์ล้วนๆ ได้แล้วก็ตาม”Skift Meeting

    “81% ของผู้จัดงานอีเวนต์กล่าวว่า การหาเครือข่าย/เน็ตเวิร์กกิ้งต่างๆ คือกุญแจสำคัญในแง่ความพึงพอใจของผู้ร่วมงานประเภทไฮบริดอีเวนต์”BigMarker

    “72% ของสปอนเซอร์ระดับองค์กร สนใจที่จะมีส่วนร่วมงานในประเภทไฮบริดอีเวนต์”BigMarker

    “บริษัทประเภท B2B ได้รับผล ROI ไปในทางบวกจากการจัดงานไฮบริดอีเวนต์หลังจากผ่านไปแล้ว 7 เดือน”MultiTV

    “71% ของผู้จัดงานอีเวนต์ยังคงต้องการคงบางอย่างของการจัดงานแบบ Virtual ไว้ แม้ว่าทุกอย่างจะกลับมาปกติแล้ว และในบางทีปี 2022 อาจจะกลายเป็นช่วงขาขึ้นของงานอีเวนต์แบบไฮบริดก็ได้”vFairs

     

    บทส่งท้าย

    กระแสการจัดงานอีเวนต์แบบไฮบริด ทำให้เรารู้ถึงบทเรียนสำคัญเรื่องหนึ่ง คือ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายถึงการทิ้งสิ่งหนึ่งไปหาอีกสิ่งหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นช่วงเวลาแห่งการปะทุของ Virtual Events ในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้การจัดอีเวนต์แบบปกติจะกลับมาแล้ว แต่เหล่าผู้คนในวงการอีเวนต์ก็ไม่ได้คิดที่จะทอดทิ้งข้อดีในการจัดอีเวนต์แบบ Virtual แต่อย่างใด และสามารถนำมาผสมผสานจนกลายเป็นงานแบบไฮบริดที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ด้วย และเราดีใจมากกับทิศทางที่วงการกำลังมุ่งไปครับ

    และเมื่อเวลาของคุณมาถึง พวกเรา Happenn เองก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คุณประสบความสำเร็จกับอีเวนต์ที่จัดเช่นกัน หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์งานอีเวนต์ด้านเทคโนโลยี ที่จะช่วยเพิ่มทั้ง ROI และมอบประสบการณ์ระหว่างจัดงานอีเวนต์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า เราพร้อมจะช่วยทำสิ่งนั้นให้คุณเสมอครับ